เคล็ดลับลงทุนสินทรัพย์ให้ได้กำไรงจากทองคำ หุ้น กองทุนทรัสต์ FX และสกุลเงินเสมือน

ทุกวันนี้ความรู้ด้านการเงินถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกควรมีติดตัวไว้ เพราะเมื่อเก็บออมเงินไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้วเราสามารถนำเงินก้อนทุนมาลงทุนสินทรัพย์ต่อยอดให้เงินงอกงอยอีกต่อไปได้ ซึ่งการออมเงินไว้ในธนาคารก็เป็นความคิดที่ดีเนื่องจากมีความปลอดภัยสูงทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าเงินเก็บของเราจะไม่ไปไหน แต่ข้อเสียก็คือเงินเก็บของเราจะงอกเงยได้น้อยมากโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในแต่ละปีกว่า 3-4% ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารโดยทั่วไปมีเพียงราว ๆ 0.25%

ใช้ทองในการลงทุน

การลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงินสด แล้วเราจะใช้อะไรลงทุนได้บ้าง

ดังนั้นหลายคนจึงคิดอยากลงทุนหา Passive Income โดยให้เงินทำงานให้เรา ซึ่งเราสามารถทำได้โดยการลงทุนสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ทองคำ หุ้น กองทรัสต์ FX สกุลเงินเสมือน แม้ว่าการลงทุนมีความเสี่ยงที่คุณอาจสูญเสียเงินทุนได้ แต่ก็ทำให้คุณมีโอกาสสร้างผลกำไรอย่างงามได้มากกว่าอัตราเฟ้อเงินต่อปี ถ้าหากคุณหมั่นศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนไปได้เยอะ วันนี้เราก็จะมาให้ความรู้ว่ามีสินทรัพย์ประเภทไหนที่สามารถใช้ลงทุนแทนเงินสดได้

  1. ทองคำ (Gold) เป็นสินทรัพย์ที่หลายคนมีการลงทุนโดยเราสามารถซื้อทองคำได้เพื่อเอาไว้ใช้เป็นเครื่องประดับหรือเอาไว้เก็งกำไรอย่างเดียว ราคาทองคำนั้นแม้ว่าจะมีผันผวนสูงแต่ในระยะยาว 3-5 ปี จะมีแนวโน้มสูงขึ้น และเป็นไปได้น้อยมากที่ในอนาคตมูลค่าของทองจะต่ำลง จึงทำให้ผู้คนนิยมซื้อทองคำเก็บสะสมไว้เพื่อหวังเพิ่มมูลค่าในระยะยาว

ข้อดีของการลงทุนทองคำคือมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงและส่วนใหญ่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ และถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ข้อเสียคือต้องใช้เวลาระยะยาวกว่าจะได้กำไร

  • หุ้น (Stocks) คือการที่เจ้าของกิจการต้องการระดุมเงินทุนโดยมอบหุ้นส่วนของรายได้จากการดำเนินกิจการมอบให้กับผู้ลงทุนตามสัดส่วนของหุ้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะได้กำไรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินกิจการของบริษัทหลังจากที่ลงทุนซื้อหุ้นซึ่งผู้ลงทุนอาจได้กำไรจากการปันผลและกำไรจากการขายหุ้น

ข้อดีคือผู้ลงทุนสินทรัพย์อยู่ในฐานะเป็นเจ้าของกิจการ นอกจากนี้การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงทำให้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย

ข้อเสียคือผู้ถือหุ้นมิได้มีอำนาจในการบริหารงานกิจการดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางในการดำเนินธุรกิจก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้

  • FX (Foreign Exchange) คือการเก็งกำไรจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศโดยคิดส่วนต่างของคู่สกุลเงินที่ขึ้นลง เช่น คู่เงินดอลล่าร์สหรัฐ/ยูโร คู่เงินปอนด์/เยน

ข้อดีคือคุณสามารถเก็งกำไรได้ทั้งเวลาที่สกุลเงินแข็งตัวหรืออ่อนตัวลงและสามารถกำไรได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ

ข้อเสียคือคุณสามารถขาดทุนได้ในเวลาสั้น ๆ เช่นเดียวกัน

  • กองทรัสต์ (Investment Trust) เป็นนิติสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ เป็นการลงทุนที่มีพื้นฐานมาจากความไว้ใจโดยผู้ลงทุนจะลงเงินทุนและมอบอำนาจให้ทรัสตีเป็นผู้จัดการเงินทุนให้งอกเงย คล้าย ๆ กับกองทุนรวมแต่กองทรัสต์ไม่ได้มีอำนาจเป็นเจ้าของทรัพย์สินแต่เป็นเพียงผู้มีอำนาจในการบริหาร กองทรัสต์ที่เป็นที่นิยมในไทยคือ กองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นการนำทรัพย์สินไปบริหารลงทุนในอสังหาฯ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าเช่า
  • สกุลเงินเสมือน (Virtual Currency) หรือที่รู้จักกันดีว่าคริปโตเคอเรน เป็นการซื้อขายสกุลที่อยู่บนโลกออนไลน์ คุณสามารถลงทุนสินทรัพย์โดยซื้อสกุลเงินเพื่อเกร็งกำไร หากในอนาคตสกุลเงินที่คุณมีมูลค่ามากขึ้น คุณก็จะได้กำไรส่วนต่างจากราคาที่ลงทุนไป

ข้อดีของสกุลเงินเสมือนคือสามารถทำกำไรได้สูงซึ่งบางสกุลเงินสามารถทำกำไรได้มากกว่า 100% ในระยะเวลาอันสั้น

ข้อเสียคือมูลค่าของสกุลเงินเสมือนอาจลดลงจนสูญสิ้นมูลค่าก็เป็นได้ ถ้าคุณอยากลงทุนในสินทรัพย์นี้คุณต้องใช้เงินเย็นและต้องใจเย็น ๆ หากมูลค่าลดลงหรืออาจสูญมูลค่าไปเลยก็ได้

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ก่อนการตัดสินใจลงทุน

  1. เริ่มลงมือทำโดยเริ่มจากพิจารณาตัวเองว่ามีเงินทุน รายรับ-รายจ่ายเท่าไหร่  แล้วคุณสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน แล้วคุณมีเป้าหมายอยากทำรายได้เท่าไหร่ในระยะเวลาต่อเดือนหรือต่อปี
  2. เลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายและข้อจำกัดของคุณ เช่น หากคุณต้องการทำกำไร 15% จากเงินลงทุนแต่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้น้อย คุณอาจจะต้องลงทุนในสินทรัพย์เป็นระยะยาวแต่ความผันผวนน้อย
  3. ศึกษาปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคของการลงทุนหรือสินทรัพย์ ปัจจัยพื้นฐานคือการทำความเข้าใจตัวตนของกิจการและสถานะทางการเงิน ส่วนปัจจัยด้านเทคนิคคือการคาดการณ์แนวโน้มราคาโดนการวิเคราะห์กราฟเพื่อให้เห็นช่วงเวลาที่มูลค่าสินทรัพย์ขึ้นลง ซึ่งจะช่วยให้คุณเกิดความเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะลงทุนและรู้จังหวะเวลาที่ถูกต้องที่ควรใส่เงินลงทุน
  4. สร้างพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้สินทรัพย์บางประเภทยังมีการขึ้นลงสวนทางกัน เช่น ราคาทองคำจะลดลงเมื่อตลาดหุ้นอเมริกามีมูลค่ามากขึ้น
  5. คอยติดตามผลตอบแทนของพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ หากมีสัญญาณอาจทำให้ขาดทุนจึงค่อยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

การลงทุนมีความเสี่ยงและอาจทำให้คุณขาดทุนได้ ดังนั้นคุณต้องใช้เวลาในการศึกษา นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ก็ต่างเคยผ่านช่วงเวลาที่ตัดสินใจผิดและขาดทุนมาก่อน แต่หากเรานำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนและปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนก็จะช่วยให้เกิดความเชี่ยวชาญและประสบผลสำเร็จในการลงทุนได้