ค่าสเปรด คือส่วนต่างของราคาคู่สกุลเงินระหว่างสกุลเงินที่เรียกว่า ราคาขาย (Bid) กับราคาซื้อ (Ask)
- ราคา Bid คือ ราคาการขายสกุลเงินหลัก
- ราคา Ask คือ ราคาการซื้อสกุลเงินหลัก
ยกตัวอย่างเช่น ทางตลาดการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศให้ราคา 1 ดอลล่าร์ อยู่ระหว่าง 105.70 เยน และ 105.73 เยน นั่นหมายความว่า ราคาในการซื้อสกุลเงิน (Ask) อยู่ที่ 105.73 เยนต่อดอลล่าร์ และราคาในการขายสกุลเงิน (Bid) อยู่ที่ 105.70 เยนต่อดอลล่าร์ มีค่าความต่างอยู่ที่ 0.03 หรือปกติจะเรียกว่า 3 pip ค่าความต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายนั้นจะเรียกว่า ค่าสเปรด (Spread) โดยมีหน่วยวัดค่าสเปรดเป็น Pip แล้วในประเทศไทยมีโบรกเกอร์ไหนบ้างที่กำลังเป็นที่นิยมและมีค่าสเปรดที่น่าสนใจเหมาะสำหรับนักเทรดคนไทย เริ่มเปรียบเทียบดูว่าแต่ละโบรกเกอร์มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
โบรกเกอร์ | ค่าสเปรด EUR/USD |
---|---|
Exness | 1.0 |
XM | 0.8 |
HotForex | 1.1 |
FBS | 1.0 |
Land-FX | 0.8 |
จะเห็นได้ว่าโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำก็คือ XM, Land-FX, Exness, FBS และ HotForex ตามลำดับ
สำหรับค่าสเปรดนี้จะเป็นเงินกำไรสำหรับโบรกเกอร์ เพราะเราจะต้องจ่ายค่าสเปรดให้กับโบรกเกอร์ทุกครั้งที่ทำการซื้อขายเทรด และยิ่งการเทรดกับโบรกเกอร์ด้วยค่าสเปดที่ต่ำก็จะยิ่งทำให้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบในการเทรด เพราะจะทำให้เราได้กำไรง่ายกว่านั่นเอง ดังนั้นสำหรับนักเทรดเงินมืออาชีพมักจะเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำเพื่อเป็นการลดต้นทุน
ค่าสเปรด (Spread) Forex มีกี่ประเภท
เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่เราเลือก เราจะได้รับข้อเสนอให้เลือกค่าสเปรด forex อยู่ 2 ประเภท นั่นก็คือ สเปรดคงที่ (Fixed spreads) กับสเปรดลอยตัว (Variable spreads) มันต่างกันอย่างไรไปดูกัน
- สเปรดคงตัว (Fixed spreads) จะไม่มีการผันแปรราคาไปตามตลาด แม้ราคาตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแต่จะไม่ส่งผลต่อราคาสเปรดที่คงที่ จนกระทั่งตลาดกลับมาสู่สภาพปกติ ค่าสเปรดคงที่จึงมีความเสี่ยงน้อย เพราะสามารถคาดเดาได้ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว
- สเปรดลอยตัว (Variable spreads) จะมีราคา Bid/Ask เปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่องตามตลาด โดยมีอาจจะมีค่าสูงถึง 20 pip หรืออาจจะต่ำถึง 0.6 pip ไปเลยก็ได้ ซึ่งค่อนข้างจะมีความเสี่ยงสูงมากสำหรับนักเทรด แต่หากมีความชำนาญและมีความรู้ในลงทุนระยะสั้นอย่าง forex scalping หรือคือการซื้อและถือครองในระยะสั้นก็อาจจะเป็นการสร้างกำไรที่ดีได้
ค่าเลเวอเลจ (Leverage) คืออะไร
Leverage คือเงินทุนที่โบรกเกอร์ให้เรายืม เพื่อทำให้เราสามารถลงทุนซื้อหุ้นได้มากกว่าเงินทุนจริงที่เรามีอยู่ หรืออาจจะมองว่าเงินนี้อยู่ในรูปแบบของเงินกู้ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนการเทรดได้โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก เนื่องจากผู้ที่จะลงทุนในตลาด Forex ได้นั้นจะต้องเป็นสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่หรือเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินเงินลงทุนจำนวนมากเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนขนาดย่อยไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
การให้เลเวอเรจจึงจะมาช่วยให้นักลงทุนรายย่อยหรือผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มากสามารถเข้ามาลงทุนกับ forex ได้ โดยการลงทุนเทรดปกติแล้วจะต้องใช้เงิน 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ คุณถึงจะสามารถเปิดออเดอร์ขนาด 1 lot ได้ แต่ถ้าคุณมีเงินเพียง 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ คุณจะต้องเลือก Leverage 1:100 หรือใช้เลเวอเรจ 10 ครั้ง คุณก็จะสามารถมีเงิน 100,000 ดอลล่าร์เพื่อเปิดออเดอร์ 1 lot ยิ่งเลือกเลเวอเรจสูงก็ยิ่งลงทุนซื้อหุ้นและเปิดออเดอร์ได้มากขึ้น
ประโยชน์ของเลเวอเรจ (Leverage)
เลเวอเรจมีประโยชน์มากกับนักลงทุนขนาดย่อย ที่มีเงินลงทุนน้อย และสามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนเพิ่มได้ แต่การใช้เลเวอเรจก็ควรที่จะต้องอยู่ในขอบเขตความเหมาะสมและรอบคอบเพราะอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงและขาดทุนได้ในเวลาไม่กี่นาทีเพราะมาร์จิ้น
โดยมาร์จิ้นจะเป็นหลักทรัพย์ประกันสำหรับการใช้เลเวอเรจ มาร์จิ้นคือเงินจริงที่อยู่ในบัญชีของเรา ยิ่งเราเลือกเลเวอเรจสูงมาร์จิ้นสำหรับการเปิดสถานะในตลาดจองเราจะยิ่งต่ำลง
Leverages | Margins |
---|---|
1:1 | 100% |
1:5 | 20% |
1:10 | 10% |
1:20 | 5% |
1:50 | 2% |
1:100 | 1% |
กล่าวคือ หากเรามีเงินในตลาด 1 lot หรือ 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ แล้วเลือกใช้เลเวอเรจ 1:50 เราจะต้องมีเงินลงทุน 2,000 ดอลล่าร์ในบัญชีของตัวเองซึ่งจะถูกนำมาไว้ที่มาร์จิ้น
สำหรับผู้ที่มีเงินทุนต่ำและพยายามใช้เลเวอเรจมากจนเกินไปจะทำให้เงินทุนที่ตัวเองเคยมีอยู่หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อตลาดการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ เพราะเงินลงทุนทั้งหมดจะถูกนำไปสำรองเก็บไว้ที่มาร์จิ้นซึ่งเป็นตัวรับประกันเงินลงทุน และหากตลาดการเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เราก็จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปในการเทรดเพียงครั้งเดียวได้
การศึกษาข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้นอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักลงทุน ซึ่งเราควรที่จะรู้จักเลือกระดับเลเวอเรจให้เหมาะสมกับเงินลงทุนของเราเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะตามมา
รีวิวโบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจ (Leverage) สูงสุด
สำหรับใครที่มีเงินลงทุนพอสมควรและต้องที่จะหาโบรกเกอร์ดีๆ ในประเทศไทยเพื่อการลงทุนไม่ว่าจะระยะยาวหรือระยะสั้น หรือใครที่สนใจอยากจะเริ่มต้นรู้จักแหล่งเทรด forex ที่มีชื่อสียงและเป็นที่นิยมในตอนนี้ วันนี้เราก็จะขอแนะนำโบรกเกอร์ 5 อันดับในประเทศไทยที่สามารถให้เลเวอเรจระดับสูงสุด อีกทั้งยังเป็นแหล่งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วย
โบรกเกอร์ | เลเวอเรจสูงสุด | จุดเด่น |
---|---|---|
1:2000 | ・เปิดบัญชีโดยไม่มีค่าธรรมเนียม ・เงินฝากขึ้นต่ำ 1ดอลล่าร์ | |
1:1000 | ・ฝากเงินขั้นต่ำ 500 บาท ・ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากถอน | |
1:3000 | ・มีระบบประกันเงิน deposit ・ระบบ marketing execution และ copy trade | |
888:1 | ・ให้เงินฟรี 30$ ที่ถอนออกมาใช้ได้ ・ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝาก-ถอน | |
1:3000 | ・สามารถเทรด bitcoin ได้ ・มีบริการ VPS |
จะเห็นได้ว่าโบรกเกอร์ FBS และ Justforex มีค่าเลเวอเรจสูงสุดคือ 1:3000 ซึ่งถือว่าสูงมากจริงๆ แต่การที่จะเลือกใช้เลเวอเรจระดับสูงมาก ๆ ก็ควรที่จะเข้าใจในเรื่องของความเสี่ยงที่จะมีมากขึ้นด้วย หากทิศทางการซื้อขายในตลาดคาดเคลื่อนไปเพียงแม้แต่นิดเดียวก็จะทำให้เราหมดตัวไปเลยได้ แต่ถ้าเราคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ เราก็จะได้กำไรมหาศาลกลับเข้ากระเป๋าได้อย่างแน่นอน