เมื่อเราทำการเปิดออเดอร์ข้ามคืนหรือหลังเวลาตี 5 ของเมืองไทย เราจำเป็นที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับโบรกเกอร์ ซึ่งจะคิดตามผลต่างของอัตราดอกเบี้ยการเทรดข้ามคืน ซึ่งเรียกกันว่าค่า Swap (สวอป) ที่เวลา 5 โมงเย็นตามเวลาของนิวยอร์ก ซึ่งจะช้ากว่าเวลาของประเทศไทยอยู่ 12 ชั่วโมง หรือนั่นก็คือช่วงเวลาประมาณตี 4- 5 ของไทยหรือตาม server ของโบรกเกอร์แต่ละแห่ง หากเราทำการปิดออเดอร์ซื้อขายเกินเวลาไปแม้แต่นาทีเดียวเช่นตี 04.01 ก็จะโดนค่าธรรมเนียม swap ไป
อัตราค่าธรรมเนียม swap จะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ โดยจะไม่มีการคิดค่า swap ในคืนวันเสาร์และอาทิตย์แต่จะถูกทบไปคิดรวบยอดกันในคืนวันพุธแทนถึง 3 เท่าของค่า swap ปกติ แต่ถ้าหากเราซื้อขายทำการตามเวลาทำการของโบรกเกอร์ปิดออเดอร์ทันเวลา เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่า swap แต่อย่างใด
ตารางภาพอัตราดอกเบี้ยค่า swap จากเว็บไซต์ xm
วิธีการคำนวนอัตราดอกเบี้ยค่า swap
หากเรามีการเปิดออเดอร์ข้ามคืนหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการ rollover จำเป็นที่จะต้องเสียดอกเบี้ยสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งวิธีการคำนวนดอกเบี้ยก็ยกตัวอย่างสำหรับคู่เงิน EURUSD เช่น อัตราดอกเบี้ยของ EUR เป็น 1.5 % และ USD เป็น 3% คุณจะต้องหาผลต่างของคู่เงินนี้ ก็จะได้ 3 – 1.5 = 1.5% ถ้าคุณถือ order buy ข้ามคืน คุณจะได้อัตราดอกเบี้ย 3 – 1.5 = 1.5% ตามนี้ แต่ถ้าคุณถือ order sell คุณจะเสียอัตราดอกเบี้ย 1.5 – 3 = -1.5% นั่นเอง ค่า swap เป็นบวกแสดงว่าเราได้กำไร แต่ถ้าเป็นลบแสดงว่าเราขาดทุนเมื่อเปิดออเดอร์ข้ามคืน
ส่วนใหญ่แล้วค่าสวอปจะมีความผันผวนเปลี่ยนแปลงไปตามตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงจะทำการแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์แต่ละแห่งเป็นรายสัปดาห์
สรุปข้อดีของ Swap
- หากจังหวะค่าเงินสูง เราจะได้เงินจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามจำนวนเงินฝากของเรา
- ใช้ทำกำไรจาก carry trade ได้ เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ได้เงินกำไรจากคู่สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่างกันมากๆ
- ถือ Order buy ข้ามคืน เพื่อทำกำไรจากอัตราดอกเบี้ย
สรุปข้อเสียของ Swap
- ด้วยหลักการคิดล่วงหน้าข้ามวันหยุดเสาร์อาทิตย์และไปรวบยอดคิดในวันพุธ ทำให้ผู้ถือ Order Sell ต้องเสียค่าธรรมเนียมถึง 3 เท่าของค่าสวอปปกติ
- อาจโดนเอาเปรียบจากโบรกเกอร์ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูง
- บางโบรกเกอร์อาจจะคิดอัตราดอกเบี้ยรวบยอดในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน
สำหรับค่า swap จะเป็นดอกเบี้ยที่มีการเพิ่มหรือลดภายในบัญชีเงินฝาก Forex โดยอาจจะทำให้หลายคนตกใจกับจำนวนเงินที่เข้ามาหรือหายออกไปจากบัญชีได้ แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจสำหรับเงินส่วนนี้นั้นก็คือ อย่าเปิดออเดอร์ข้ามวันนั่นเอง และต้องระวังสำหรับใครที่ซื้อขาย lot จำนวนมากแล้วถึงไว้ข้ามคืน จะต้องโดยค่าธรรมเนียม swap จำนวนมากเข้าไปอย่างแน่นอน
3.ขนาดสัญญาที่ใช้เปิดออเดอร์กับโบรกเกอร์
ปริมาณของหน่วยสกุลเงินที่เราวางในการเทรดเงิน เรียกอีกกอย่างว่าล็อต (Lot) ขนาดของล็อตจะกำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเทรด เป็นตัวกำหนดปริมาณของเงินกำไรและเงินที่จะขาดทุนจากการเทรด ยิ่งล็อตมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ก็จะต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับประเภทของบัญชีล็อตที่นักเทรดส่วนใหญ่เลือกใช้จะมีอยู่ 3 ประเภทดังนี้
- ไมโครล็อต (Micro lot) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1,000 ยูนิต เมื่อเปิดออเดอร์บัญชีเทรด 0.01 ล็อตจะเทรดเงินที่ 1 ไมโครล็อต การซื้อคู่สกุลเงิน GBP/USD เท่ากับว่าซื้อ 1,000 GBP นักเทรนมือใหม่ที่อยากจะลองเทรดมักจะถูกแนะนำให้เลือกเทรดกับไมโครล็อต
- มินิล็อต (Mini lot) จะมีค่าเท่ากับ 10,000 ยูนิต เมื่อเปิดออเดอร์ 0.1 ล็อต จะเทรดเงินที่ 1 มินิล็อต
- สแตนดาร์ดล็อต (Standard lot) 1 สแตนดาร์ดล็อตมีค่าเท่ากับ 100,000 ยูนิต การซื้อคู่เงิน EUR/USD 1 ล็อตจะเท่ากับ 100,000 EUR
การเลือกเปิดบัญชีในแต่ละประเภทนั้น จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของนักเทรดเงินเอง เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการมีเงินน้อยหรือมากเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะความสามารถของแต่ละคนด้วย การเลือกเปิดบัญชีที่เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญของตัวเองก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการซื้อขายเทรด forex ลงไปได้มาก นอกจากการที่จะต้องเลือกเปิดบัญชีเพื่อเลือกขนาดสัญญาให้เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ยังควรที่จะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้ให้ดีอีกด้วย วันนี้จึงขอเสนอรายชื่อโบรกเกอร์ forex ที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่หัดเล่นและมืออาชีพที่ต้องการระบบที่ปลอดภัยตามตารางเปรียบเทียบขนาดล็อตและเงินฝากขั้นต่ำด้านล่างนี้เลย
ตารางเปรียบเทียบขนาดล็อตในการเปิดบัญชีของแต่ละโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
โบรกเกอร์ | Micro lot (1,000 ยูนิต) | Mini lot (10,000 ยูนิต) | Standard lot (100,000 ยูนิต) | เงินฝากขั้นต่ำ |
---|---|---|---|---|
เข้าสู่เว็บไซต์ | 〇 | × | 〇 | 1$-2000$ |
เข้าสู่เว็บไซต์ | 〇 | × | 〇 | 5$-100$ |
เข้าสู่เว็บไซต์ | 〇 | × | 〇 | 5$-500$ |
เข้าสู่เว็บไซต์ | 〇 | × | 〇 | 1$ – 500$ |
เข้าสู่เว็บไซต์ | 〇 | × | × | 30$-200$ |
จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นส่วนมากแล้วโบรกเกอร์จะนิยมใช้ lot อยู่ 2 ประเภท นั่นก็คือ ไมโครกับสแตนดาร์ด ซึ่งไมโครล็อต จะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า บัญชีประเภท cent และเรื่องที่ทำไมโบรกเกอร์ถึงนิยมเปิดแค่สองบัญชีนี้นั่นก็เพราะว่าผู้ที่เคยเปิดบัญชีไมโครมาก่อนแล้วมักจะกระโดดข้ามอัพบัญชีเป็นสแตนดาร์ดไปเลย เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและชำนาญพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงแล้วนั่นเอง