นักเทรดมือใหม่ต้องมีความรู้ในเรื่องของเวลาเปิดปิดตลาด forex เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากตลาด forex เป็นเรื่องของการซื้อขายสกุลในแต่ละประเทศทั่วโลก จึงมีการเปิดทำการตลาด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์และหยุดทำการในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยวันจันทร์จะเปิดทำการตอนตี 4 และปิดทำการวันเสาร์ตอนตี 4 ตามเวลาประเทศไทย
ตารางเวลาเปิด-ปิด ของตลาดเงิน forex แต่ละสกุลเงินที่นิยมเทรด ตามเวลาประเทศไทย
ทำไมต้องรู้เวลาเปิด-ปิด ของตลาด forex
เนื่องจากตลาด forex มักมีการเคลื่อนไหวหรือผันผวนของค่าเงินนั้นสูงมากในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการ ดังนั้นการซื้อขายสกุลเงินที่ดีควรซื้อเมื่อตลาดเปิดทำการในเวลาเดียวกัน เช่นหากต้องการซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD จะเห็นว่าตลาด EUR เปิดทำการ 14.00-23.00 ส่วนตลาด USD จะเปิดเวลา 19.00-03.00 เวลาที่ตรงกันของสองสกุลเงินนี้คือระหว่างเวลา 19.00-23.00 น. จึงควรซื้อขายคู่สกุลเงินนี้ในช่วงเวลาที่ตรงกันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเทรด
รู้จัก 3 ช่วงเวลาที่สำคัญในการเทรด forex
ในแต่ละวันจะมีช่วงเวลาที่แบ่งออกเป็นโซนเวลาอยู่ 3 ช่วงคือ เอเชีย/ยุโรป/อเมริกา ซึ่งการเล่นเทรดในช่วงที่ 3 เวลาโซนนี้ทับซ้อนกันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะเป็นเวลาที่มีสภาพคล่อง มีคนเข้าร่วมเทรดจำนวนมาก จะทำให้เราได้รับราคาที่เหมาะสมและดีที่สุด
โซนเวลาเอเชีย จะมีศูนย์กลางอยู่ที่โตเกียว (Tokyo) สกุลเงินที่เทรดส่วนใหญ่คือ JPY โดยจะมีการเทรดเพิ่มขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทางการเงินเกิดขึ้น แต่ก็ยังถือว่ามีสภาพคล่องต่ำอยู่เมื่อเทียบกับตลาดในโซนเวลาอื่นๆ
โซนเวลายุโรป มีศูนย์กลางอยู่ที่ลอนดอน (London) ประเทศอังกฤษ สกุลเงินที่นิยมเทรดกันคือ USD, EUR และ GBP ซึ่งนับว่ามีจำนวนการเทรดสูงและมีสภาพคล่องสูงที่สุดสำหรับตลาดโซนเวลานี้
โซนเวลาอเมริกา จะมีศูนย์กลางอยู่ที่อเมริกา New York โดยสกุลเงินที่นิยมเทรดคือ USD, EUR, JPY, GBP และ AUD โซนเวลานี้จะมีจำนวนการเทรดและสภาพคล่องรองลงมาจากโซนยุโรป
เวลาเปิดปิดของตลาด Forex ทั่วโลกที่สำคัญจะเป็นไปตามแหล่งเทรด 4 แหล่งหลักๆ คือ เมืองซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอนและนิวยอร์ก ซึ่งจะถูกแบ่งออกตามฤดูกาล
ตารางเวลาการเปิด-ปิดตลาด Forex 4 โซนสำคัญของโลก ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละแห่ง
ช่วงเวลาที่ควรซื้อขาย forex เพื่อเกร็งกำไรมากที่สุด จะมีอยู่ 2 ช่วงคือ
1. เวลาตลาดเปิดทำการพร้อมกัน นักเทรดมือใหม่ควรสนใจเริ่มเล่นตามเวลาที่ตลาดเปิดทับซ้อนกันนี้
2. เวลามีข่าวกราฟราคา เหมาะกับคนที่ชอบเทรดเกร็งกำไรระยะสั้นๆ หรือนักเทรดมืออาชีพเท่านั้น
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดเทรดเงินสากลที่ไม่มีหน่วยงานหลักหรือศูนย์กลางในการควบคุม การซื้อขายจึงเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เมื่อตลาดในภูมิภาคหนึ่งปิด ตลาดของอีกภูมิภาคหนึ่งก็เปิด และเมื่อช่วงเวลาหนึ่งที่ตลาดหลายแห่งเปิดพร้อมกันก็จะเกิดการซื้อขายขึ้นจำนวนมาก นอกจากนี้ตลาด forex ในแต่ละภูมิภาคจะมีช่วงของวันหยุดและปิดตลาด เช่นวันคริสตมาส หรือวันประกาศอิสรภาพอเมริกา เป็นต้น ซึ่งโบรกเกอร์จะมีการแจ้งทางอีเมลให้นักเทรดทุกคนทราบก่อนล่วงหน้า
คู่เงินในตลาด Forex
ตลาด FX มักจะถูกซื้อขายกันเป็นคู่ๆ เมื่อขายสกุลเงินหนึ่งอีกสกุลหนึ่งก็จะโดนขายคู่ไปด้วยโดยอัตโนมัติ คู่เงินฟอเร็กซ์จะถูกใช้คำย่อ ดังนั้นนักเทรดมือใหม่จำเป็นที่จะต้องรู้จักตัวย่อของสกุลต่างๆ และรู้จักเลือกว่าควรจะเลือกเล่นคู่สกุลเงินไหนถึงจะดีที่สุด
คู่เงินหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs) คือจะมีสกุลเงิน USD อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ซึ่งสกุลเงินนี้จะมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก จึงมีสภาพคล่องสูง ผันผวนต่ำกว่าคู่เงินประเภทอื่นๆ
- คู่เงินรอง (Minor Currency Pairs) คือจะเป็นเงินคู่ที่ไม่มีสกุลเงิน USD เลย เช่น EUR/JPY หรือ GBP/JPY
- คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs) คือสกุลเงินแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นใหม่ โดยมักจะมีอัตราสเปรดและคอมมิชชั่นสูงกว่าปกติ และมีสภาพคล่องต่ำ เช่น USD/ZAR
หากใครไม่รู้จักคู่เงินในการเทรดก็จะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เพราะการเทรดคู่เงินจะเป็นตัวช่วยให้เราได้รับกำไรจากการลงทุนได้นั่นเอง สำหรับคู่เงินที่มีการเทรดสูงที่สุดนั้นจะอยู่ในประเภทของคู่เงินหลัก เพราะมีค่าธรรมเนียมสเปรดและคอมมิชชั่นต่ำกว่าประเภทอื่นๆ เรามาดูคู่เงินหลักที่นักเทรดนิยมกัน ซึ่งมีทั้งหมด 7 สกุล ดังนี้
สกุลเงินด้านหน้าคือ Based currency ตัวหลังคือ Quote currency ตัวที่เป็น base จะมีค่าเป็น 1 เสมอ เช่นอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับคู่เงิน EUR/USD เป็น 1.2000 หมายความว่า 1 ยูโรเท่ากับ 1.2000 ดอลล่าร์ การเทรดคู่เงินหลักนั้นมีเคล็บลับง่ายๆ คือ ต้องดูการเคลื่อนไหวของหุ้นและจำนวนของนักลงทุน การเลือกเทรดเงินควรเลือกเฉพาะคู่ที่เราถนัดและเข้าใจปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของคู่เงินนั้นๆ เพราะการเลือกเทรดคู่เงินหลายๆคู่ จะส่งผลทำให้เราไม่สามารถติดตามได้อย่างทั่วถึงและอาจจะทำให้เราขาดทุนได้